วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

การศึกษา

การศึกษา

1. ชื่อเรื่องผมเกลียดโรงเรียน แต่รักการศึกษา
ข้อสรุปประเด็นที่ได้
          การศึกษา คือ กุญแจที่ไขปัญหาต่างๆ ช่วยให้บุคคลประสบความสำเร็จ  ถ้าโรงเรียนเปรียบเสมือนล็อคเกอร์ การศึกษาก็เปรียบเสมือนกุญแจ  อาจารย์ผู้สอนไม่เคยให้นักเรียนคิดนอกกรอบหนังสือ  เมื่อคุณคิดนอกกรอบ  คำตอบของคุณก็จะผิดจากสุภาษิต ไม่มีประโยชน์ที่จะจ่ายการศึกษาเพื่อคนบ้า เพราะเขาไม่มีสามัญสำนึก การศึกษา คือการจุดประกายความคิดไม่ใช่การยัดเยียดสิ่งใดๆลงไปในสมอง การศึกษาไม่ใช่การท่องจำข้อมูลตามตำราหรือทำตามคนอื่นเพื่อให้สอบผ่าน
ข้อคิดที่ได้
         ควรมีการวางแผนก่อนลงมือปฏิบัติจริง

2. ชื่อเรื่องสตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs)
ข้อสรุปที่ได้
          สตีฟ จ๊อบส์ ก็ไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาทั่วๆไป ไม่ได้พร้อมไปทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เขามีก็คือ ความใฝ่ฝัน และความเชื่อมั่นในตัวเอง    เขามีวิธีการทำงานร่วมกับคนฉลาดเพื่อทำความฝันของเขาให้เป็นจริง สิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้ได้ก็คือ   เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าตัวเองก็เกิดมาเพื่อจะประสบความสำเร็จ  แล้วหลังที่เราเชื่อเราก็จะพัฒนาตัวเองตามความเชื่อนั้น  และมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จ   
ข้อคิดที่ได้
          ทุกคนสามารถประสบความสำเร็ได้โดยพัฒนาตัวเองตามความเชื่อ  และมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

3. ชื่อเรื่องบิลเกตต์
ข้อสรุปที่ได้
        ข้อที่ 1 ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรมนักหรอก ทำความเคยชินกับมันเสียเถอะ
        ข้อที่ 2 โลกไม่สนใจหรอก ว่าคุณจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่โลกนี้ คาดหวังความสำเร็จที่เกิดจากความมั่นใจของคุณต่างหาก 
        ข้อที่ 3 ไม่มีทางหรอกที่คุณจะทำเงินได้ปีละ 60,000 เหรียญทันทีที่จบมัธยมและก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นประธานบริษัทที่มีรถประจำตำแหน่ง พร้อมโทรศัพท์ในรถส่วนตัว    
        ข้อที่ 4 ถ้าคุณคิดว่า อาจารย์กำลังสอนบทเรียนอันน่าเบื่อ ลองไปทำงานแล้วเจอกับเจ้านายสิ
        ข้อที่ 5 การคิดคำแสลงใหม่ๆ ไม่ใช่เรื่องผิด    
        ข้อที่ 6 ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับพ่อแม่ เลิกคร่ำครวญกับสิ่งที่พลาดไปแล้ว แต่จงเรียนรู้จากมัน
        ข้อที่ 7 ก่อนที่คุณจะเกิด พ่อแม่ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่คุณรู้สึกตอนนี้    
        ข้อที่ 8 ชีวิตในโรงเรียนอาจจะตัดสินว่าคุณเป็นผู้แพ้หรือชนะ แต่ชีวิตจริงไม่ใช่
        ข้อที่ 9 ชีวิตไม่ได้แบ่งเป็นเทอมๆ ไม่มีช่วงซัมเมอร์ให้คุณไปค้นหาตัวตน
        ข้อที่ 10 สิ่งที่เกิดขึ้นในโทรทัศน์ไม่ใช่ชีวิตจริง
        ข้อที่ 11 เป็นมิตรกับความ เนิร์ด แล้วชีวิตคุณจะไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร
ข้อคิดที่ได้
          การจะประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ เกิดจากก้าวเล็กๆของชีวิตและจงก้าวไปอย่างระมัดระวัง และคิดอย่างมีกระบวนการ

4. ชื่อเรื่องอิชิตัน
ข้อสรุปที่ได้
          1.  เชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุดยังไม่เกิดและสิ่งที่ดีกว่ามีโอกาสเกิด เช่นเดียวกับที่ว่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จยังไม่มา แสดงให้เห็นว่า ยังมีโอกาสเปิดโอกาสให้สำหรับคนที่มีความมั่นใจที่จะทำสิ่งที่แตกต่างให้โดดเด่นด้วยความคิดสร้างสรรค์                       
          2.  ความกล้าเสี่ยง ความสำเร็จส่วนหนึ่งเริ่มจากการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ 
          3. กล้าล้มเหลว  หลักการที่คุณตันยึดไว้เสมอคือ  “ ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราคิด ”  ทันทีที่ออกจากห้องเขียนแผนอาจพบว่าไม่มีอะไรที่เหมือนเขียนไว้เลยก็ได้  ทุกครั้งที่เราผจญกับปัญหา  อุปสรรค  ถ้าเรามุ่งมั่นฝ่าฟัน  มันมักจะมอบสิ่งตอบแทนอันล้ำค้าให้แก่เราคือ  ประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้เราต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง  ปัญหาจะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นและจำไว้ว่า  “ ขาดทุนคือกำไร ” เพราะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยหากที่ผ่านมาไม่ค่อยรู้จักความล้มเหลวมาก่อน
ข้อคิดที่ได้
          การกล้าเสี่ยงเป็นความสำเร็จส่วนหนึ่งของการเริ่มสิ่งใหม่

ดาวเด่นของการศึกษา

ดาวเด่นของการศึกษา

1. ชื่อเรื่องสัมภาษณ์ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ การเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC
องค์ความรู้ที่ได้
          เมื่อพิจารณาแล้วประเทศไทยได้รับประโยชน์ด้านบวกมากกว่าด้านลบ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางของการกระจายสินค้า การลงทุนต่างๆ มีความหลากหลายทางด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว การเกษตร อุตสาหกรรม ประเทศไทยมีความหลากหลายมากที่สุด
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
         การเตรียมความพร้อมในการใช้ภาษาอังกฤษก่อนเปิด AEC
ข้อคิดที่ได้
          การพัฒนาสิ่งต่างๆต้องขึ้นอยู่กับการเตรียมตัว การเตรียมความพร้อมในหลายๆด้าน

2. ชื่อเรื่องประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคน
องค์ความรู้ที่ได้
         ประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการตื่นตัวมากที่สุดในบรรดาสมาชิกอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรบบุคคลากร การฝึกภาษาอังกฤษและยังรวมถึง การไปศึกษาดูงานต่างประเทศ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านทำอยู่ เพราะจากการที่มีผู้ศึกษาที่จะดูการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเราค้นพบว่าบางประเทศ เขาไม่ได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC เมื่อปีสองปีที่ผ่านมา และเขาได้พัฒนาบุคลากรของเขาอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          เตรียมตัวให้ตนเองมีความพร้อมในทุกๆด้าน
ข้อคิดที่ได้
          การพัฒนาคนนั้นต้องพัฒนาตั้งแต่จุดเล็กๆ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

3. ชื่อเรื่องดาวเด่นด้านการศึกษาแห่งอาเซียน
องค์ความรู้ที่ได้
          ประเทศไหนๆก็ใช้การศึกษาเพื่อพัฒนาคน ในบรรดาประเทศอาเซียนทั้งหมดนั้น  ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการศึกษาที่ดีที่สุดหนึ่งในนั้นก็อันเนื่องมาจากรัฐบาลสนับสนุนการศึกษา สิงคโปร์มีคุณภาพการศึกษาอยู่อันดับที่ 3 ของโลก สถาบันการศึกษาต่างๆของสิงคโปร์ได้เป็นที่ยอมรับระดับโลก การเรียนการสอนของสิงคโปร์ไม่ได้เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีการเน้นเรื่องคุณธรรมและศิลปะควบคู่กันไปสิ่งต่างๆเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าคนสิงคโปร์มีคุณภาพสูง
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          จะฝึกฝนตนเองให้มีคุณธรรมและศิลปะควบคู่กันไป
ข้อคิดที่ได้
          การเรียนรู้สามารถเรียนรู้ได้หลากหลายทาง

4. ชื่อเรื่องการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนามนุษย์
องค์ความรู้ที่ได้
          การพัฒนาคนโดยใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือ ซึ่งตอนนี้ทุกประเทศให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ประเทศเวียดนาม นับตั้งแต่เปิดประเทศเศรษฐกิจของเวียดนามก็มีการเติบโตไปอย่างรวดเร็วทั้งบริษัทห้างร้านต่างๆก็มีการขยายตัวสถาบันการศึกษาจึงรับหน้าที่เหล่านั้นเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบ แม้การปฏิรูปการศึกษาเวียดนามอาจใช้เวลาพอสมควรแต่โรงเรียนก็สามารถปรับตัวได้ การเรียนการสอนนั้นเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางมากขึ้น และมีการออกแบบรูปแบบการสอนใหม่ๆ เพื่อให้เด็กมีการพัฒนากระบวนการคิด
สิ่งที่นำไปใช้ในการพัฒนาตนเอง
          การจะพัฒนาตนเองต้องพัฒนากระบวนการคิดและรูปแบบการคิดให้เป็นแบบสากลขึ้น
ข้อคิดที่ได้
          การออกแบบการศึกษาใหม่ๆจะช่วยให้พัฒนาการคิดควบคู่กับวิชาการ

5. ชื่อเรื่องประเทศไทยอยู่ตรงไหนของอาเซียน
องค์ความรู้ที่ได้
          การปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอาเซียนทุกประเทศให้ความสำคัญในการพัฒนามนุษย์และทุกประเทศใช้การศึกษาพัฒนาคน ทุกวันนี้ประเทศไทยมีสัดส่วนผู้รู้หนังสือเกินกว่าร้อยละ 93 เราจึงไม่ต้องกังวลเรื่องของการขยายโอกาสทางการศึกษา แต่ประเด็นที่ควรให้ความสำคัญมากกว่านั้นก็คือ เรื่องของคุณภาพการศึกษา จากรายงานการประชุมเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี 2012-2013 ชั้นประเมินขีดความสามารถการแข่งขันของแต่ละประเทศ การศึกษาไทยถูกวัดเป็นกลุ่มที่ 8 ไม่รวมลาวและพม่า
สิ่งที่นำไปใช้ในการพัฒนาตนเอง
          พัฒนาความรู้ความสามารถของตนเองให้ดีที่สุด
ข้อคิดที่ได้
          ความสามารถนั้นทุกๆคนต่างก็มีพร้อมกันทุกคนไม่มีคนไหนด้อยกว่าคนไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนจะพร้อมไหมในการพัฒนาตัวของบุคคลให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

6. ชื่อเรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (สายสัมพันธ์ไทย-ลาว)
องค์ความรู้ที่ได้
          ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยกับต่างประเทศนั้น ลาว หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถือเป็นประเทศที่มีสายสัมพันธ์กับไทยในลักษณะพิเศษกว่าชาติอื่น เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยภาษาของตนเอง และมีความคล้ายคลึงทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา และวัฒนธรรม ความร่วมมือกันของทั้งไทยและลาวเพื่อพัฒนาประเทศ ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองฝ่ายเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นแนวทางให้ฝ่ายอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนหันมาร่วมมือกันเพื่อเผชิญกับสิ่งท้าทายจากภายนอก ทั้งเพื่อเสริมสร้างจุดแข็งและความเจริญโดยรวมให้กับภูมิภาคด้วย
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          จะพัฒนาตนให้มีความเป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากที่สุด
ข้อคิดที่ได้
          รู้ถึงความคล้ายคลึง ทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนาและวัฒนธรรม

7. ชื่อเรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (เยือนถิ่นอิเหนา)
องค์ความรู้ที่ได้
          ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ ดังนั้น จึงเป็นประเทศที่อยู่ในความสนใจมาโดยตลอด เป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก แต่ละพื้นที่ของอินโดนีเซียมีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม และการพูดของแต่ละชนเผ่า  โดยนโยบายเศรษฐกิจของอินโดนีเซียมุ่งเน้นการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
         จะนำความรู้ด้านนโยบายมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ข้อคิดที่ได้
        ประเทศจะพัฒนาเร็วต้องส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศ

8. ชื่อเรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (เที่ยวฟิลิปปินส์ เยือนถิ่นเพื่อนบ้าน)
องค์ความรู้ที่ได้
        ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีความโดดเด่นทางด้านการท่องเที่ยว เพราะเป็นประเทศที่มีหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวนมากและมีความสวยงามของธรรมชาติ  อีกทั้งมีความโดดเด่นทางด้านเศรษฐกิจ จึงเป็นศูนย์กลางทางราชการ เศรษฐกิจและคมนาคมทางอากาศและทะเล การทำธุรกิจของประเทศจะทำกันที่เกาะเซบูเป็นหลัก และที่นี้ยังเป็นปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวเกาหลีใต้ ชาวญี่ปุ่นและชาวจีน
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          จะเรียนรู้วัฒนธรรมความโดดเด่นของประเทศฟิลิปปินส์
ข้อคิดที่ได้
         นำความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาไปพัฒนาประเทศของตนให้ดียิ่งขึ้น

9. ชื่อเรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (เวียดนามเปิดเศรษฐกิจเปิด)
องค์ความรู้ที่ได้
         ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นทางเศรษฐกิจ เวียดนามมีนโยบายเปิดตัวเองสู่โลกภายนอกมากขึ้น การเปิดประเทศนี้มุ่งทำให้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีความเสรีทางเศรษฐกิจจนถึงปัจจุบัน และหันมามุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ จุดเปลี่ยนสำคัญของเวียดนามคือการตัดสินใจมุ่งพัฒนาประเทศและมีชาวต่างชาติไม่น้อยเลือกเวียดนามเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          นำข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต
ข้อคิดที่ได้
         การเปิดการเรียนรู้ทางความคิดของประเทศอื่นๆ ให้เป็นเสรี

10. ชื่อเรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (จับมือกันพัฒนาทั้งไทย ทั้งพม่า)
องค์ความรู้ที่ได้
          ประเทศไทยกับพม่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี ถือได้ว่าเป็นปลายทางยอดนิยมของคนไทยเลยก็ว่าได้ สาเหตุหลักก็มาจากการนับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะแก่การทำธุรกิจต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ไทยได้ทำข้อตกลงไว้กับพม่าที่มีจุดหมายเดียวกันคือการพัฒนาประเทศ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศพม่า
ข้อคิดที่ได้
         ประเทศจะมีการพัฒนานั้นต้อง มีการพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพที่ดี

11. ชื่อเรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (ไทย-กัมพูชา)
องค์ความรู้ที่ได้
        ประเทศกัมพูชาถือเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่งโลกหาโอกาสมาเยือน ไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจทางการค้า ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่มีการพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
         เรียนรู้ความเจริญของกัมพูชาและนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาต่อไป
ข้อคิดที่ได้
        การร่วมมือช่วยกันพัฒนาทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

แบบฝึกหัดบทที่ 3 วิวัฒนาการของการศึกษา

วิวัฒนาการของการศึกษา

1.แนวคิดทางการศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน มีสาระสำคัญอะไรบ้าง
       แนวคิดทางการศึกษาไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียนและชั้นเรียน มีวัดเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ มีพระภิกษุเป็นผู้สอนเพียงเพื่อประกอบวิชาชีพ ความรู้ส่วนใหญ่ที่ถ่ายทอดจะไม่มีการจดบันทึก  ใช้การท่องจำมากกว่า

2. สมัยสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยา เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
       ต่างกัน สมัยสุโขทัย มีวัดเป็นสถานศึกษา สถานที่เรียนคือ หอฉันท์ การสอนเรียนว่า การต่อหนังสือ  ไม่มีการติดต่อกับฝรั่งชาติตะวันตก
       สมัยกรุงศรีอยุธยา มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนา มีการติดต่อกับฝรั่งชาวต่างชาติ และมีการประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทย

3. อิทธิพลของชาวตะวันตกที่มีผลต่อการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียน มีอะไรบ้าง
       - ภัยคุกคามจากประเทศมหาอำนาจ
       - การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ

4. การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ มีความก้าวหน้าอย่างไร
       การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ มีความก้าวหน้าทางด้านการจัดการศึกษาเริ่มนำวิทยาการใหม่ๆมีการจัดพิมพ์ตำราเรียนเป็นจุดเริ่มต้น

5. แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ เกิดในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
       จินดามณี เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่มาคือ ฝรั่งได้มาติดต่อค้าขายและเผยแพร่ศาสนา มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนา ประดิษฐ์ตัวอักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรก รับวิชาการแบบยุโรปและแต่งแบบเรียน คือ จินดามณี

6. การจัดการศึกษาภาคบังคับ มีลักษณะอย่างไร จงอธิบายยกเหตุผล
       การจัดการศึกษาภาคบังคับ เป็นการกำหนดให้เยาวชนได้รับการศึกษา เพื่อนำไปประกอบอาชีพ และการเป็นพลเมืองที่ดีเพื่อช่วยให้ประเทศชาติพัฒนาเท่าทันประเทศที่พัฒนาแล้ว

7. การจัดการศึกษาไทยที่เรียกว่า มาติกาศึกษา เป็นอย่างไร จงอธิบายยกเหตุผล
       การศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่วัด การจัดการศึกษาที่เรียกว่า มาติกาศึกษามี 8 มาติกา ดังนี้
         1) ตำบลที่เล่าเรียนคือ ที่ตั้งของวัด
         2) โรงเรียน คือ ที่เรียนของวัด เช่น หอฉันท์ หอสวดมนต์ วิหาร และศาลาการเปรียญ
         3) นักเรียนและครู มี 3 ประเภท คือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
         4) เวลาเรียน คือ ตอนพระว่าง
         5) เครื่องเล่าเรียน คือ กระดานชนวน ดินสอพอ และปากกาไม้ไผ่
         6) วิชาหนังสือ คือ หนังสือเรียน
         7) วิชาเลข คือ เลขคณิตวิธีต่างๆ
         8) ข้อบังคับการเรียน คือ ระเบียบวินัย การลงโทษ

8.การจัดการศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการ ตรงกับสมัยใดจงอธิบาย ยกเหตุผล
       สมัยรัชการที่ 5 เพราะต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถไปพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรือง

9. การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบาย ยกเหตุผล
       เห็นด้วย เพราะ เป็นยุคที่มีการพัฒนาการศึกษาที่มีการนำระบบเทคโนโลยีและการสื่อสาร (ICT) มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน

10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างไร
       ยุทธศาสตร์ การเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน พัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพและโอกาสทางการศึกษาและเพิ่มคุณภาพการศึกษา จัดมาตรฐานการศึกษาตลอดชีวิตและพัฒนาวิชาชีพครู

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปย่อปรัชญาการศึกษา

สรุปย่อปรัชญาการศึกษา

       1. ปรัชญาสารัตนนิยม (essentialism)  กระบวนการเรียนการสอนขึ้นอยู่กับครูเป็นสำคัญ ครูเป็นผู้อธิบาย ชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจ วิธีการเรียนการสอนจึงเน้นการสอนแบบบรรยายเป็นหลัก
      
       2. ปรัชญานิรันตรนิยม (pernialism)  เน้นในเรื่องเหตุผลและสติปัญญา และเรื่องเกี่ยวกับศาสนา เชื่อว่าความคงทนถาวรย่อมเป็นจริงมากกว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลง การศึกษาควรสอนสิ่งที่เป็นนิรันดร์ ไม่เปลี่ยนแปลง และจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทุกยุคทุกสมัย กระบวนการเรียนการสอนมีครูเป็นศูนย์กลางมีการบรรยาย ใช้การอภิปรายเข้ามาช่วย
    
      3. ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม (progressivism)  มีแนวคิดว่า การศึกษาคือชีวิต มิใช่เป็นการเตรียมตัวเพื่อชีวิต หมายความว่า การที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขจะต้องอาศัยการเข้าใจความหมายของประสบการณ์นิยม ฉะนั้นผู้เรียนจึงควรจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่เหมาะแก่วัยของเขาและสิ่งที่จัดให้ผู้เรียนเรียนควรจะเป็นไปในทางที่ก่อให้เกิดประสบการณ์ที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจปัญหาชีวิตและสังคมในปัจจุบัน และหาทางปรับตัวให้เข้ากับภาวะที่เป็นจริงในปัจจุบัน
     
     4.ปรัชญาปฏิรูปนิยม (reconstructionism)  มีหลักสูตรเเกนกลาง เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ บทบาทของครูเป็นผู้คอยกระตุ้นให้นักเรียน คิดวิเคราะห์ และผู้เรียนไม่ได้เรียนเพื่อมุ่งพัฒนาตนเองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเรียนเพื่อนำความรู้ไปพัฒนาสังคมให้สังคมเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
      
     5.ปรัชญาอัตถิภาวะนิยม (existentialism)  ส่งเสริมให้มนุษย์แต่ละคนรู้จักพิจารณาตัดสินสภาพและเจตจำนงที่มีความหมายต่อการดำรงชีวิต การศึกษาจะต้องให้อิสระแก่ผู้เรียนที่จะเลือกสรรสิ่งต่างๆได้อย่างเสรี มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
    
    6.พุทธปรัชญา  การศึกษาเน้นความเป็นจริงของมนุษย์ และความเป็นธรรมชาติ หลักการการสอนใช้หลักไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญาศึกษาเพื่อให้เข้าใจความจริง เข้าใจความหมายของชีวิต ทั้งดำรงชีวิตให้สอดคล้องสัมพันธ์กับความจริงโดยใช้เหตุและผล พุทธปรัชญามีจุดมุ่งหมายจะต้องมุ่งพัฒนาโลภ โกรธ หลงให้ลดลง และพัฒนาความรู้ ความจำ นิสัยและอื่นๆในทางที่เหมาะสม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปย่อการศึกษาไทย

สรุปย่อการศึกษาไทย

วิวัฒนาการศึกษาไทย
ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ
       การศึกษาสมัยนี้มีบ้านและวัดเป็นศูนย์กลาง บ้านเป็นศูนย์กลางในการขัดเกลาจิตใจสมาชิกในบ้าน วัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา โดยพระเป็นผู้อบรมสั่งสอนธรรมะ  ผู้ชายนิยมบวชเรียน ส่วนผู้หญิงนิยมเย็บปักถักร้อย

ประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัย
     ประวัติศาสตร์สมัยสุโขทัยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ผู้ชายเน้นบวชเป็นพระ ซึ่งศึกษาพระไตรปิฏกส่วนผู้หญิงเน้นการเป็นกุลสตรีที่ดี การเป็นแม่บ้านแม่บ้านเพื่อให้ตัวเองเป็นภรรยาที่ดีของสามี
สถานที่ศึกษาในสมัยนี้แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
1. บ้าน เป็นสถานที่เริ่มต้นของผู้ชายและผู้หญิงทุกคน โดยอบรมบ่มเพาะจากบิดามารดา
2. วัด เป็นสถานที่ที่ศึกษาสำหรับผู้ชายเป็นพระเพื่อศึกษาพระไตรปิฏก จริยธรรม คุณธรรม ส่วนผู้หญิง       จะเรียนเกี่ยวกับฝึกความเป็นกุลสตรี การเย็บปักถักร้อย
3. สำนักราชบัณฑิต สำหรับผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ศึกษาวิชาชีพที่สูงขึ้นมา
4. วัง สำหรับเชื้อราชวงศ์ ศึกษาเกี่ยวกับยุทธหัตถี การปกครอง

ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา
       ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1. แบบทหาร เรียนเกี่ยวกับการใช้ดาบ ง้าว ศัสตราวุธ ขี่ม้า ขี่ช้างและตำราพิชัยสงคราม เพื่อนำไป             ปกป้องการรุกรานจากต่างประเทศ
2. แบบพลเรือน พลเรือนชายจะศึกษาพระไตรปิฏก เลข ภาษาและโหราศาสตร์ โดยมีคำพูดที่ว่า “ถ้าไม่       บวชเรียน จะไม่ได้รับราชการ” ส่วนผู้หญิงเรียนเพื่อออกเรือน เรียนพวกเย็บปักถักร้อย,ทำอาหาร,แกะ     สลัก เป็นต้น
       สมัยอยุธยามีการแต่งหนังสือ "จินดามณี" และตั้งโรงเรียน " มิชชันนารี"

ประวัติศาสตร์สมัยธนบุรี
       ศูนย์กลางการศึกษาอยู่ที่วัด พ่อแม่จะพาลูกไปฝากที่วัด โดยมีพระสงฆ์สอนหนังสือ หนังสือที่ใช้ในการอบรมสั่งสอนมีหนังสือจินดามณี ด้านอาชีพ ลูกจะประกอบอาชีพจากพ่อแม่ ซึ่งถ่ายทอดแก่ลูก สตรีนิยมไม่ให้เรียนหนังสือ จะให้เรียนพวกเย็บปักถักร้อย พวกงานบ้านงานเรือนมากกว่า

ประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์
       พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยให้เด็กชายเข้าวัดให้เรียน อ่าน เขียน หลักคำสอนศาสนา โดยชนชั้นขุนนางจะเรียนปรัชญา เครื่องกล เครื่องมือและกลไก ในสมัยนี้ไม่นิยมให้ผู้หญิงเรียนหนังสือ แต่ก็ยังคงมีบางคนสามารถอ่านออกเขียนได้บ้าง

ประวัติศาสตร์สมัยใหม่
       เริ่มมาจากสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นำเอาการศึกษาตะวันตกมาเกี่ยวข้องในประเทศไทย มีการเลิกทาสโดยมีความทัดเทียมในการศึกษาและมีการให้ความสำคัญของการศึกษาจนปัจจุบันมีติวเตอร์เข้ามาแทรกแซงเกี่ยวกับการศึกษาไทยมากขึ้น อาจจะส่งผลถึงปัญหาในภายภาคหน้าก็เป็นได้

ประวัติการศึกษาไทย
        การศึกษาไทยสมัยก่อน จะอยู่ที่บ้าน วัด หรือวังในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้มีการสอนภาษาอังกฤษในพระราชสำนัก  ตอนยุคเกิดการล่าอาณานิคม จากตะวันตก และรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้มีความรู้ทางหนังสือ และทรงเปลี่ยนระบบการศึกษาเดิมเป็นแบบตะวันตกและทรงตั้งโรงเรียนหลวง  คือ "โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ" พ.ศ. 2427 โดยจัดการศึกษาให้ทัดเทียมกัน และทรงปรับปรุงเป็นโรงเรียนนายทหารมหาดเล็กและได้ตั้งมหาวิทยาลัยแห่งของประเทศไทยคือ "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาใช้มาก คือ คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เป็นการศึกษาที่ทันสมัยอย่างมากในปัจจุบัน

การพัฒนาการศึกษาไทย
       "เจ้านายราชตระกูล ตั้งแต่ลูกฉันเป็นต้นลงไป
ตลอดจนถึงราษฎรที่ต่ำที่สุด จะให้ได้มีโอกาสเล่าเรียน
ได้เสมอกัน ไม่ว่าเจ้า ว่าขุนนาง ว่าไพร่
เพราะฉะนั้น จึงขอบอกได้ว่าการเล่าเรียนในบ้านเมืองเรานี้
จะเป็นข้อสำคัญที่หนึ่ง ซึ่งฉันจะอุตส่าห์จัดขึ้นให้เจริญให้จงได้"
พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ปฏิรูปการศึกษาไทย 1
       การศึกษาไทยเป็นระบบที่ล้มเหลวในการสอนคนอ่าน เขียนได้อย่างแท้จริง
คุณภาพการศึกษาไทยที่พบในโลกจริง
1. เด็กไทยอ่านออกเขียนได้ในระดับที่จำกัด
2. เด็กไทยจำนวนมากไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับสูง
3. ท่องจำแต่ไม่เข้าใจ
4. บัณฑิตไม่สามารถทำงานได้ ทำงานไม่เป็น เป็นต้น
อะไรทำให้การศึกษาไทยล้มเหลว
1. รัฐไม่ใส่ใจจัดสรรงบประมาณให้น้อย
2. ครูเงินเดือนน้อย คนเก่งไม่มาเป็นครู
3. เด็กไทยเรียนน้อยเกินไป ไม่ขยัน

การปฏิรูปการศึกษาไทย 2
เป้าหมายการศึกษาที่ดี
       ความฉลาดทางปัญญา IQ , ความฉลาดทางอารมณ์ EQ ,ความฉลาดทางสังคม SQ คือ สำนึกในสังคมที่มีความร่วมมือ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ผู้ที่ศึกษาในอุดมศึกษายังขาดด้านอารมณ์และสังคม สังคมไทยถูกครอบงำด้านวัตถุนิยมของระบบเศรษฐกิจ  ทุนนิยม การศึกษากลายเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ ผู้เรียนเป็นแรงงาน โรงเรียนและมหาวิทยาลัยเป็นโรงงานผลิตแรงงาน
สถานการณ์ การศึกษาไทย 2557 (The State of Thai Education 2014)
       การวิจัยของ PISA ในการเปรียบเทียบความสามารถทางด้านการคิด การอ่านและคำนวณ ของนักเรียนอายุ 15 ปีทั่วโลก พบว่านักเรียนไทยมีการศึกษาด้อยกว่าสิงคโปร์และเวียดนาม และในวิจัย The World Economic Forum พบว่าการศึกษาไทยด้อยที่สุดในสมาชิกอาเซียน ซึ่งแรงงานที่มีประสิทธิภาพทางการศึกษาที่ต่ำนั้นทำให้เกิดปัญหาคอขวดของประเทศ ซึ่งทางสำนักงานรองรับมาตรฐานและประเมินคุณภาพทางศึกษาได้สำรวจโรงเรียน 30,010 โรงเรียนมี 65% ที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แปลว่ามีนักเรียนหนึ่งในสามที่จะผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ทำให้รัฐมนตรีได้เห็นปัญหาจึงได้สร้างครูพันธุ์ใหม่ตั้งแต่ 2009 ถึง 2013 แต่ก็ไม่ทำให้การศึกษานั้นดีขึ้นเลย จนถึงปัจจุบันการศึกษาไทยก็ยังตามหลังประเทศอื่นอีกมาก